Skip to content

ประเภทของ ETF แบ่งตาม Sector

การแบ่งประเภท ETF ตาม Sector หรืออุตสาหกรรมช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในกลุ่มธุรกิจเฉพาะ ซึ่งแต่ละอุตสาหกรรมมีคุณสมบัติและปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่างกัน โดย ETF ตาม Sector แบ่งได้ดังนี้:

1. Consumer Discretionary ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสินค้าฟุ่มเฟือยหรือบริการที่ไม่จำเป็น เช่น การท่องเที่ยว รถยนต์ เสื้อผ้า และสินค้าหรูหรา
  • คุณสมบัติ: การเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจดี คนจะจับจ่ายในสินค้ากลุ่มนี้มากขึ้น
  • ความเสี่ยง: อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจและการใช้จ่ายของผู้บริโภค

2. Consumer Staples ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ยาสีฟัน และของใช้ประจำวัน
  • คุณสมบัติ: ธุรกิจในกลุ่มนี้มักมีความมั่นคงแม้ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย เพราะสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีวิต
  • ความเสี่ยง: ความเสี่ยงน้อยกว่า Consumer Discretionary เพราะเป็นสินค้าจำเป็น

3. Energy ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และพลังงานทดแทน
  • คุณสมบัติ: ขึ้นกับราคาพลังงานในตลาดโลกและนโยบายพลังงาน
  • ความเสี่ยง: ผันผวนสูงเนื่องจากความไม่แน่นอนของราคาน้ำมันและกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม

4. Financials ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในบริษัทด้านการเงิน เช่น ธนาคาร บริษัทประกัน และบริษัทหลักทรัพย์
  • คุณสมบัติ: ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยและภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
  • ความเสี่ยง: มีความเสี่ยงจากนโยบายการเงินและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ

5. Healthcare ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในบริษัทด้านการดูแลสุขภาพ เช่น บริษัทยา โรงพยาบาล และเทคโนโลยีทางการแพทย์
  • คุณสมบัติ: ได้รับอานิสงส์จากการพัฒนายาและนวัตกรรมด้านสุขภาพ มีแนวโน้มเติบโตตามความต้องการด้านการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้น
  • ความเสี่ยง: ความเสี่ยงจากกฎระเบียบและการพัฒนาผลิตภัณฑ์

6. Industrials ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในบริษัทภาคอุตสาหกรรม เช่น การก่อสร้าง การผลิตอุปกรณ์ และการขนส่ง
  • คุณสมบัติ: เติบโตตามการขยายตัวของเศรษฐกิจและภาคการผลิต
  • ความเสี่ยง: อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจและการลงทุนของภาคเอกชน

7. Materials ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในบริษัทที่ผลิตวัตถุดิบหรือวัสดุ เช่น โลหะ เคมีภัณฑ์ และปูนซีเมนต์
  • คุณสมบัติ: ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์และอุปสงค์ของภาคการผลิต
  • ความเสี่ยง: ผันผวนตามราคาวัตถุดิบและความต้องการสินค้าพื้นฐานในภาคอุตสาหกรรม

8. Real Estate ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในบริษัทหรือกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (REITs)
  • คุณสมบัติ: ให้รายได้จากการปันผลในอสังหาริมทรัพย์ เช่น อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และที่อยู่อาศัย
  • ความเสี่ยง: ได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์และอัตราดอกเบี้ย

9. Technology ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในบริษัทด้านเทคโนโลยี เช่น ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และอุปกรณ์โทรคมนาคม
  • คุณสมบัติ: มีแนวโน้มการเติบโตสูงจากนวัตกรรมและการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ
  • ความเสี่ยง: ผันผวนสูงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและการแข่งขันในอุตสาหกรรม

10. Telecom ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในบริษัทที่ให้บริการโทรคมนาคมและเครือข่ายสื่อสาร
  • คุณสมบัติ: ให้รายได้ที่มั่นคงจากการสื่อสารและบริการโทรคมนาคม
  • ความเสี่ยง: ได้รับผลกระทบจากกฎระเบียบของภาครัฐและการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารใหม่ ๆ

11. Utilities ETF

  • ความหมาย: ลงทุนในบริษัทที่ให้บริการด้านสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา และก๊าซ
  • คุณสมบัติ: รายได้ที่มั่นคงจากความต้องการสินค้าพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
  • ความเสี่ยง: ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยและนโยบายของรัฐบาล โดยทั่วไปถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ

สรุป

ETF แบ่งตาม Sector ช่วยให้นักลงทุนกระจายการลงทุนในอุตสาหกรรมเฉพาะตามความต้องการและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ซึ่งทำให้ง่ายต่อการสร้างพอร์ตการลงทุนที่ตรงกับเป้าหมาย